ข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกจึงมาถึงคุณก่อนใครเสมอ
หน้าแรกWorldญี่ปุ่นส่งสัญญาณถึงผู้สืบทอดตำแหน่ง ผ่านการประชุมสุดยอดกับเกาหลีใต้

ญี่ปุ่นส่งสัญญาณถึงผู้สืบทอดตำแหน่ง ผ่านการประชุมสุดยอดกับเกาหลีใต้

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น เตรียมจัดการประชุมสุดยอดครั้งสุดท้ายกับประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล แห่งเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งสัญญาณสนับสนุนทั้งต่อเกาหลีใต้และผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งของเขาเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เคยตกต่ำถึงขีดสุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากข้อพิพาททางการทูตและการค้าอันเกี่ยวเนื่องกับการยึดครองเกาหลีของญี่ปุ่นในช่วงปี 2453-2488 ได้พลิกผันไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดันอยู่เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของความร่วมมือครั้งใหม่นี้กำลังจะถูกทดสอบ ด้วยการลาจากตำแหน่งของนายคิชิดะที่กำลังจะมาถึง รวมถึงความเป็นไปได้ที่ทำเนียบขาวอาจเปลี่ยนมือหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน

เท็ตสึโอะ โคทานิ นักวิชาการอาวุโสแห่งสถาบันกิจการระหว่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “นายกฯ คิชิดะอาจต้องแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำร่วมกับประธานาธิบดียุนนั้นเป็นทิศทางที่ถูกต้อง และเขาคาดหวังให้ผู้สืบทอดตำแหน่งดำเนินนโยบายความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีในแนวทางปัจจุบันต่อไป”

โคทานิยังเสริมว่า เนื่องจากท่าทีของคิชิดะที่ตอบรับการเปิดประตูของยุนนั้นเคยถูกฝ่ายขวาทางการเมืองของญี่ปุ่นต่อต้าน ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมให้แข็งกร้าวมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า “เราทราบดีว่าในอดีต เมื่อญี่ปุ่นและเกาหลีพบหนทางปรองดองกัน การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบางครั้งก็นำไปสู่การถอยหลัง หรือสร้างเงื่อนไขให้เกิดการถอยหลัง ดังนั้น แม้เราจะมั่นใจสูงในอนาคตของความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นและการมีส่วนร่วมในเวทีพหุภาคีทั้งหมด แต่ก้าวนี้ของคิชิดะก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง”

แม้จะไม่คาดหวังการประกาศสำคัญใดๆ จากการประชุมครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่มองว่าการเยือนกรุงโซลครั้งสุดท้ายของคิชิดะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพยายามของสหรัฐฯ ในการแสดงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อรับมือกับความท้าทายจากเกาหลีเหนือและจีน

พรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่นจะจัดการเลือกตั้งเพื่อเฟ้นหาผู้สืบทอดตำแหน่งของคิชิดะในวันที่ 27 กันยายนนี้

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีไบเดนได้เชิญยุนและคิชิดะไปยังแคมป์เดวิด ซึ่งผู้นำทั้งสามได้ให้คำมั่นที่จะกระชับความร่วมมือทางทหารและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ร่วมประณามพฤติกรรม “อันตรายและก้าวร้าว” ของจีนในทะเลจีนใต้อย่างแข็งกร้าวที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ประธานาธิบดียุนกล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะยังคงมีประสิทธิผล ส่วนหนึ่งเพราะข้อตกลงทางการทูตที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกัน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า “อาจมีความกังวลเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่อยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงความเข้ากันได้ในระดับบุคคลระหว่างผู้นำทั้งสอง แต่พื้นฐานของความสัมพันธ์จะไม่เปลี่ยนแปลง และการเยือนของคิชิดะจะตอกย้ำความสำคัญของการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลี ซึ่งอาจเป็นการส่งสารถึงผู้นำคนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”

คาดว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการอพยพพลเรือนออกจากประเทศของกันและกันในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในประเทศที่สาม

ฝ่ายเกาหลีใต้หวังว่าจะได้ยินถ้อยแถลงประนีประนอมจากคิชิดะเกี่ยวกับชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงานในญี่ปุ่นระหว่างการยึดครอง แต่แม้ไม่มีถ้อยแถลงดังกล่าว การเยือนครั้งนี้ก็อาจช่วยรักษา “การทูตแบบไปมาหาสู่” ให้ดำเนินต่อไปได้

ทั้งนี้ การดำเนินการของยุนไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศเสมอไป เนื่องจากชาวเกาหลีใต้จำนวนมากเชื่อว่าญี่ปุ่นยังไม่ได้ชดใช้การกระทำในอดีตอย่างเพียงพอ ญี่ปุ่นยืนยันว่าประเด็นเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้วด้วยสนธิสัญญาปี 2508 ที่ทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติ แต่รัฐบาลและคำตัดสินของศาลเกาหลีใต้บางส่วนยังคงโต้แย้งประเด็นนี้

คิม ฮยอง-จิน อดีตเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหภาพยุโรปและนาโต กล่าวว่า “ในมุมมองของญี่ปุ่น ความกังวลอยู่ที่ความต่อเนื่องของนโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้หลังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในกรุงโซล และเกาหลีใต้ก็มีความกังวลในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในโตเกียว”

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
ดีลอลังโคัดปัง 10 ล้านใบ

Most Popular