จีนประกาศควบคุมการส่งออกแอนติโมนี ซึ่งเป็นโลหะที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2024 เป็นต้นไป การส่งออกแอนติโมนีทุกรูปแบบจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลก เนื่องจากจีนเป็นผู้จัดหาแอนติโมนีเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
กฎระเบียบใหม่นี้จะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับแอนติโมนีหลายชนิด รวมถึงแร่ดิบ โลหะ และสารประกอบต่างๆ เช่น แอนติโมนีออกไซด์และไฮไดรด์ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงวัสดุเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อินเดียมแอนติโมไนด์ วัสดุแข็งพิเศษ เช่น เพชรสังเคราะห์และคิวบิกโบรอนไนไตรด์ และเทคโนโลยีที่จำเป็นในการผลิตวัสดุเหล่านี้
ความสำคัญของแอนติโมนีอยู่ที่คุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งทำให้มันจำเป็นสำหรับการผลิตโลหะผสมที่แข็งขึ้นที่ใช้ในอาวุธ และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซมิคอนดักเตอร์ จอแสดงผล และสารหน่วงไฟ
เนื่องจากจีนควบคุมอุปทานแอนติโมนีประมาณ 50% การเคลื่อนไหวนี้ของจีนจะส่งผลกระทบต่อตลาดทั้งหมดที่ต้องพึ่งพาแอนติโมนี ตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ มาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับบรรทัดฐานระหว่างประเทศและไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศหรือภูมิภาคใดเป็นพิเศษ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า การควบคุมเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยต่างชาติซึ่งอาจคุกคามผลประโยชน์ของจีน
ในขณะเดียวกัน การดำเนินการนี้ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการตอบโต้ของจีนต่อข้อจำกัดล่าสุดที่สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นกำหนดขึ้นเกี่ยวกับการเข้าถึงเครื่องมือผลิตชิปขั้นสูงของจีน มันเป็นไปตามรูปแบบของจีนที่เข้มงวดควบคุมวัสดุสำคัญอื่น ๆ เช่น แกลเลียม เจอร์เมเนียม และแกรไฟต์
ประกาศนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนอุปทานของแอนติโมนี รายงานของ Project Blue ในเดือนพฤษภาคม 2024 คาดการณ์ว่าจะมีการขาดแคลนทั่วโลกประมาณ 10,000 ตัน ซึ่งเลวร้ายลงจากการคว่ำบาตรรัสเซียที่ขัดขวางการผลิตแอนติโมนี การขาดแคลนนี้ทำให้ต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ทางเลือกจากทาจิกิสถาน เวียดนาม และเมียนมาร์มากขึ้น
เมื่อการควบคุมใหม่ของจีนมีผลบังคับใช้ นักวิเคราะห์ตลาดคาดว่าราคาแอนติโมนีจะสูงขึ้นอย่างมาก โรงกลั่นในยุโรปและผู้บริโภคทั่วโลกอื่น ๆ พยายามกระจายแหล่งที่มาเพื่อลดการพึ่งพาจีนแล้ว อย่างไรก็ตาม ความพยายามเหล่านี้อาจไม่สามารถป้องกันราคาที่พุ่งสูงขึ้นได้เนื่องจากมาตรการล่าสุดของจีน
